1. จงอธิบายคำต่อไปนี้
- ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูงตอบ
เป็นระบบที่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนสารสนเทศและการตัดสินใจสำหรับ
ผู้บริหารระดับสูงโดยเฉพาะ โดยใช้หลักการและวิธีการเดียวกกับระบบสนับสนุน
การตัดสินใจ แต่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับงานในองค์กรขนาดใหญ่ที่มีระบบ
การตัดสินใจที่ซับซ้อนต้องการความแม่นยำและรวดเร็วในการตัดสินใจ
จากสภาวะหรือผลกระทบภายนนอกองค์กร ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับ
สูงจะใช้ข้อมูลจาก 3 แหล่งคือ
1. ข้อมูลภายในองค์กดร ได้แก่ งบประมาณ แผนรายจ่าย หรือ
แผนการเงิน
2. ข้อมูลภายนอกองค์กร ได้แก่ สำนักข่าว ตลาดหุ้น
3. ข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลรายการประจำวัน
- ระบบสารสนเทศประมวลผลรายการ
ตอบ
ระบบประมวลผลรายการ หมายถึง ระบบสารสนเทศที่ใช้ในการเปลี่ยนข้อมูลดิบจากการปฏิบัติงานให้อยู่ในรูปแบบที่เครื่องจักรสามารถอ่านได้, เก็บรายละเอียดรายการ, ประมวลผลรายการและสั่งพิมพ์รายละเอียดรายการ ออกมาได้ รายการ (transaction) คือ การกระทำพื้นฐานที่เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินการทางธุรกิจ เช่น การขายสินค้า การจองตั๋วเครื่องบิน การซื้อสินค้าผ่านเครดิตการ์ดและการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าคงคลัง จัดเป็นรายการทั้งสิ้น
ระบบประมวลผลรายการนิยมใช้ในการประมวลผลบัญชี, การขาย, หรือประมวลผลข้อมูลสินค้าคงคลัง เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้เป็นที่ต้องการของระบบสารสนเทศอื่น ๆ ในองค์กร
ในการดำเนินการของระบบประมวลผลรายการ ข้อมูลถูกนำเข้าไปยังคอมพิวเตอร์ของระบบสารสนเทศ โดยใช้แป้นพิมพ์หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ข้อมูลจะถูกเก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์จนกระทั่งพร้อมที่จะถูกประมวลผล หลังจากที่ข้อมูลถูกป้อนเข้าไปแล้ว จะเกิดการประมวลผลเพื่อเปลี่ยนข้อมูลเป็นสารสนเทศที่มีประโยชน์ในการจัดการ โดยระบบประมวลผลรายการจะทำการบันทึกรายการลงในฐานข้อมูลและผลิตเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรายการนั้นออกมา อาจอยู่ในรูปแบบของรายงาน, ตาราง, กราฟ, ภาพเคลื่อนไหว และเสียงฯลฯ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้สารสนเทศนั้น ๆ
ระบบประมวลผลรายการสามารถแบ่งตามวิธีการประมวลผลข้อมูล ได้แก่ 1. ระบบการประมวลผลแบบกลุ่ม (batch processing system) ข้อมูลจากหลาย ๆ รายการ จากผู้ใช้หลาย ๆ คน หรือจากช่วงเวลาหลาย ๆ ช่วง ถูกรวมเข้าด้วยกัน, นำเข้าและประมวลผลเหมือนเป็นกลุ่มเดียว ตัวอย่างเช่น ยอดขายรายวันซึ่งถูกประมวลผลเพียงวันละหนึ่งครั้ง จะใช้ระบบการประมวลผลแบบกลุ่มนี้เมื่อข้อมูลไม่จำเป็นต้องปรับปรุงทันที และเมื่อมีข้อมูลจำนวนมากที่คล้ายกัน ต้องถูกประมวลผลในครั้งเดียวกัน
2. ระบบการประมวลผลแบบออนไลน์ (online processing system) รายการถูกประมวลผลเมื่อเกิดรายการนั้นขึ้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
2.1 การประมวลผลเชิงรายการ (transactional processing) ข้อมูลถูกประมวลผล เมื่อป้อนข้อมูลเข้าโดยไม่ต้องเก็บไว้ประมวลผลในภายหลัง เช่น ระบบเช็ครายการสินค้าออกของร้านขายของชำ โดยระบบจะทำการออกใบเสร็จรับเงินที่แสดงรายการสินค้าทันทีหลังจากรายการสินค้าต่าง ๆ ที่ซื้อ ถูกประมวลผล
2.2 การประมวลผลแบบทันที (real-time processing) ใช้ในระบบควบคุม หรือระบบที่ต้องการให้เกิดผลสะท้อนกลับ เช่นขบวนการควบคุมอุณหภูมิของห้างสรรพสินค้า การทำงานของการประมวลผลแบบทันที สามารถไปมีผลกระทบกับตัวรายการนั้น ๆ เอง ถ้าผู้ใช้หลายรายแข่งขันกันเพื่อใช้ทรัพยากรเดียวกัน เช่นที่นั่งบนเครื่องบินหรือในชั้นเรียนพิเศษ
- ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
ตอบ
ในการใช้การประมวลผลรายการทำให้การประมวลผลการดำเนินการด้านธุรกิจทำได้รวดเร็วขึ้นและลด ค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานลงได้ แต่จะเห็นได้ชัดว่าข้อมูลที่เก็บได้จากการประมวลผลรายการ สามารถช่วยให้ผู้บริหารนำมาใช้ในการตัดสินใจในการดำเนินงานได้ดีขึ้น จึงจำเป็นต้องพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานด้านการจัดการของผู้บริหารขึ้นเรียกว่าระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการหมายถึงกลุ่มของบุคคล, ขบวนการ,ซอฟต์แวร์, ฐานข้อมูล และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ถูกจัดการเพื่อใช้ในการจัดการสารสนเทศที่เกิดขึ้นเป็นประจำให้แก่ผู้บริหารหรือผู้ทำการตัดสินใจ จุดประสงค์หลักของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ อยู่ที่การดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพในด้านการตลาด, การผลิต, การเงิน และส่วนงานอื่น ๆ โดยใช้และจัดเก็บข้อมูลลงในฐานข้อมูล
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการเป็นระบบสารสนเทศที่ใช้ในการผลิตรายงานด้านการจัดการ ซึ่งจะใช้ในการสนับสนุนการตัดสินใจในระดับปฏิบัติงาน, ระดับยุทธวิธี และระดับกลยุทธ์ โดยรายงานที่เกิดขึ้นมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับระดับของการจัดการในองค์กร แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก คือรายงานตามตารางเวลา (scheduled report), รายงานกรณียกเว้น (exception report) และรายงานตามคำขอ (demand report)
- ระบบสารสนเทศเพื่อการรายงาน
ตอบ
บบสารสนเทศแบบรายงานเพื่อการจัดการ (Management Reporting Systems MRS)
ระบบสารสนเทศที่ช่วยในการทำรายงานตามระยะเวลาที่กำหนดไว้โดยการสรุปสารสนเทศที่มีอยู่ไว้ในฐานข้อมูล (Haag et al., 2000:54) หรือช่วยในการตัดสินใจในลักษณะที่โครงสร้างชัดเจนและเป็นเรื่องที่ทราบล่วงหน้า
หน้าที่ของแบบ MRS
1) ช่วยในการตัดสินใจงานประจำของผู้บริหารระดับกลาง
1) ช่วยในการตัดสินใจงานประจำของผู้บริหารระดับกลาง
2) ช่วยในการทำรายงาน
3) ช่วยในการตัดสินใจที่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ และมีโครงสร้างแน่นอน เช่น การอนุมัติสินเชื่อให้กับลูกค้า
- ระบบสารสนเทศผู้เชี่ยวชาญ
ตอบ
มีลักษณะคล้ายระบบสารสนเทศประเภทอื่น ๆ คือ เป็นระบบคอมพิวเตอร์ ที่ช่วยผู้บริหารแก้ปัญหา หรือสนับสนุนการตัดสินใจ แต่จะแตกต่างจากระบบ สารสนเทศประเภทอื่นตรงที่ ใช้หลักการทำงานด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence ) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้ มากกว่าการจัดการ สารสนเทศ ระบบผู้เชียวชาญเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ เลียนแบบขั้นตอนและวิธีการในการคิด วิเคราะห์ เพื่อแก้ไขปัญหาโดย ผู้เชี่ยวชาญในสาขาใด ๆ ระบบผู้เชี่ยวชาญสามารถนำไปใช้ในขั้นตอนการให้ คำปรึกษา หรือสนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่ยากและซับซ้่อน ณ สถานการณ์ใด ๆ ได้ ระบบผู้เชียวฃาญจะเลือกเฉพาะสาขาหรือ เฉพาะด้านที่ขาดแคลน ผู้เชี่ยวชาญ การสร้างระบบผู้เชี่ยวชาญต้องการข้อมูลจำนวนมากจากผูั้เชี่ยวชาญ เฉพาะด้านนั้น ๆ เพื่อเก็บข้อมูลอย่างละเอียดลงในฐานข้อมูล ที่เรียกว่า ฐานความรู้ จากนั้นกลไกการวินิจฉัย ซึ่งเปรียบได้กับสมองของระบบจะทำการ ตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่ในฐานความรู้ และเลือกข้อมูลที่เหมาะสมที่สุด ด้วยวิธีการในการคิดหาคำตอบ อย่างมีเหตุผลและเป็นขั้นเป็นตอน พร้อมกับ ต้องมีส่วนของการติดต่อกับผู้ใชที่มีความสะ้ดวก เพื่อให้เกิดความพึงพอใจ และใช้งานระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ | |
![]() ระบบผู้เชี่ยวชาญ |
ตอบ
Artificial Intelligence (AI) หมายถึง อุปกรณ์ ที่ต้องรับคำสั่งเพื่อสามารถทำงานให้ได้อย่างรวดเร็วภายใต้หน่วยความจำที่มีขนาดใหญ่ หรือหมายถึงการทำให้คอมพิวเตอร์สามารถคิดหาเหตุผลได้เรียนรู้ได้ทำงานได้เหมือนสมอมนุษย์ ซึ่งการทำงานมีลักษณะเช่นเดียวกันกับการประมวลผลของสองมนุษย์ฉนั้นความสามารถของคอมพิวเตอรืทางด้านสติปัยยาและด้านพฤติกรรมจึงมีลักษณะคล้ายกับมนุษย์
สิ่งที่สำคัญทางปัญญาประดิษบ์ (AI) มีสองประการคือ
1. ความสามารถที่จะเข้าใจภาษาธรรมชาติ
2. ความสามารถที่จะให้เหตุผล ดังนั้นความหมายของปัญยาประดิษฐ์ จึงหมายถึงความสามารถของระบบการทำงานคล้ายคลึงกับสติปัยยาของมนุษย์จึงถูกเรียกว่าปัญญาประดิฐ์
วิวัฒนาการของปัญญาประดิษฐ์(Evolution of AI)ได้มีการนำมาใช้เป็นครั้งแรกในช่วงกลางศตวรรษที่1950โดยมีลักษณะเป็นตัวประมวลผลโปรแกรมการใช้งานซึ่งทำงานภายใต้สัญลักษณ์และเครื่องหมายมากกว่าเรื่องของตัวเลข
สิ่งที่สำคัญทางปัญญาประดิษบ์ (AI) มีสองประการคือ
1. ความสามารถที่จะเข้าใจภาษาธรรมชาติ
2. ความสามารถที่จะให้เหตุผล ดังนั้นความหมายของปัญยาประดิษฐ์ จึงหมายถึงความสามารถของระบบการทำงานคล้ายคลึงกับสติปัยยาของมนุษย์จึงถูกเรียกว่าปัญญาประดิฐ์
วิวัฒนาการของปัญญาประดิษฐ์(Evolution of AI)ได้มีการนำมาใช้เป็นครั้งแรกในช่วงกลางศตวรรษที่1950โดยมีลักษณะเป็นตัวประมวลผลโปรแกรมการใช้งานซึ่งทำงานภายใต้สัญลักษณ์และเครื่องหมายมากกว่าเรื่องของตัวเลข
2. จงอธิบาย TPS , DSS และ MIS แตกต่างกันอย่างไร
ตอบ
MIS = เน้นการตัดสินใจแบบมีโครงสร้าง (แนวทาง - ตรรก ที่แน่นอน) และใช้ข้อมูลภายในจากระบบ TPS เป็นหลัก จุดมุ่งหมายเพื่อบริหารจัดการ (Supervise) งานของหน่วยปฏิบัติการ ให้บรรลุเป้าหมาย ตามแผนงานที่กำหนดมาโดยผู้บริหารระดับกลาง ภายใต้งบประมาณ เวลาและข้อจำกัดอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น Production Control, Sales forecasts, financial analysis, และ human resource management เป็นต้น
DSS = เน้นการตัดสินใจแบบกึ่งโครงสร้าง (Semi structured decision making) มีการใช้ข้อมูลข่าวสารจากระบบ MIS และข้อมูลจากภายนอกบางส่วนมาช่วยในการปรับปรุง หรือ กำหนดแผนงานที่จะต้องสนองเป้าหมายหลักขององค์กรให้มากที่สุด เช่น ระบบ Data miming เป็นต้น
TPS = เป็นระบบสารสนเทศที่เกี่ยวกับการบันทึกและประมวลข้อมูลที่เกิดจาก ธุรกรรมหรือการปฏิบัติงานประจำหรืองานขั้นพื้นฐานขององค์การ เช่น การซื้อขายสินค้า การบันทึกจำนวนวัสดุคงคลัง เมื่อใดก็ตามที่มีการทำธุรกรรมหรือปฏิบัติงานในลักษณะดังกล่าวข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะเกิดขึ้นทันที เช่น ทุกครั้งที่มีการขายสินค้า ข้อมูลที่เกิดขึ้นก็คือ ชื่อลูกค้า ประเภทของลูกค้า จำนวนและราคาของสินค้าที่ขายไป รวมทั้งวิธีการชำระเงินของลูกค้า
DSS = เน้นการตัดสินใจแบบกึ่งโครงสร้าง (Semi structured decision making) มีการใช้ข้อมูลข่าวสารจากระบบ MIS และข้อมูลจากภายนอกบางส่วนมาช่วยในการปรับปรุง หรือ กำหนดแผนงานที่จะต้องสนองเป้าหมายหลักขององค์กรให้มากที่สุด เช่น ระบบ Data miming เป็นต้น
TPS = เป็นระบบสารสนเทศที่เกี่ยวกับการบันทึกและประมวลข้อมูลที่เกิดจาก ธุรกรรมหรือการปฏิบัติงานประจำหรืองานขั้นพื้นฐานขององค์การ เช่น การซื้อขายสินค้า การบันทึกจำนวนวัสดุคงคลัง เมื่อใดก็ตามที่มีการทำธุรกรรมหรือปฏิบัติงานในลักษณะดังกล่าวข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะเกิดขึ้นทันที เช่น ทุกครั้งที่มีการขายสินค้า ข้อมูลที่เกิดขึ้นก็คือ ชื่อลูกค้า ประเภทของลูกค้า จำนวนและราคาของสินค้าที่ขายไป รวมทั้งวิธีการชำระเงินของลูกค้า
3. คำว่าเทคโนโลยีและสารสนเทศคืออะไรและนักศึกษาได้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอะไรบ้างในชีวิตประจำวัน
ตอบ
เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology, IT) หมายถึงเทคโนโลยีในการประมวลผลสารสนเทศ (คำว่า สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลแล้ว) ซึ่งก็คือเทคนิควิธีการต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ในการจัดการข้อมูล (ข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริงที่ยังไม่ผ่านการประมวลผล) เช่น การจัดเก็บข้อมูล การสื่อสารข้อมูล การสืบค้นข้อมูล การแสดงผลข้อมูล เป็นต้น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การจัดการข้อมูล เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว และง่ายดายยิ่งขึ้น ส่งผลต่อการพัฒนาและความก้าวหน้าต่างๆ ในชีวิตประจำวันของเรา เทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
คนเราทุกวันนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีการติดต่อกับโลกภายนอก การรับรู้ข่าวสาร เช่น การอ่านหนังสือพิมพ์ การรับฟังวิทยุหรือดูโทรทัศน์ ก็เป็นการใช้เทคโลยีสารสนเทศ จากจากนั้น การถอนเงินจากเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัต (ตู้เอทีเอ็ม) ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน
คนเราทุกวันนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีการติดต่อกับโลกภายนอก การรับรู้ข่าวสาร เช่น การอ่านหนังสือพิมพ์ การรับฟังวิทยุหรือดูโทรทัศน์ ก็เป็นการใช้เทคโลยีสารสนเทศ จากจากนั้น การถอนเงินจากเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัต (ตู้เอทีเอ็ม) ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน
4. การใช้เทคโนโลยีมีผลกระทบทางลบ และผลกระทบทางบวกอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ
ทางบวก
1 ช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายของมนุษย์
2 ช่วยทำให้การผลิตในอุตสาหกรรมดีขึ้น
3 ช่วยส่งเสริมให้เกิดการค้นคว้าวิจัยสิ่งใหม ่
4 ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
5 ช่วยส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์
6 เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง
7 ช่วยให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน
8 ช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย
1 ช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายของมนุษย์
2 ช่วยทำให้การผลิตในอุตสาหกรรมดีขึ้น
3 ช่วยส่งเสริมให้เกิดการค้นคว้าวิจัยสิ่งใหม ่
4 ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
5 ช่วยส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์
6 เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง
7 ช่วยให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน
8 ช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย
ทางลบ
1 ทำให้เกิดอาชญากรรม
2 ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถอย
3 ทำให้เกิดความวิตกกังวล
4 ทำให้เกิดความเสี่ยงภัยทางด้านธุรกิจ
5 ทำให้การพัฒนาอาวุธมีอำนาจทำลายสูงมาก
6 ทำให้เกิดการแพร่วัฒนาธรรมและกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว
1 ทำให้เกิดอาชญากรรม
2 ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถอย
3 ทำให้เกิดความวิตกกังวล
4 ทำให้เกิดความเสี่ยงภัยทางด้านธุรกิจ
5 ทำให้การพัฒนาอาวุธมีอำนาจทำลายสูงมาก
6 ทำให้เกิดการแพร่วัฒนาธรรมและกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น